ในเวลาเดียวกันครูจำนวนมากหนีไม่พ้นปัญหาวัฒนธรรมองค์กร วัฒนธรรมการทำงานเชิงอำนาจที่เน้นการสั่งการ มากกว่าการให้อิสระทางความคิดหรือการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูบรรจุใหม่อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเป็นเวลานานพอสมควร เพื่อให้สามารถอยู่ในสถานศึกษานั้น ๆ ได้ อาจทำให้ครูหลายคนเกิดเป็นภาวะหมดไฟในการทำงาน รู้สึกกดดันและเผชิญความเครียดจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน
อีกทั้ง สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความเป็นอยู่ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นซึ่งอาจจะส่งผลต่อประเด็นด้านคุณภาพชีวิต ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง จนเกิดเป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้สินของข้าราชการครู นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องผู้เรียน ที่มีความหลากหลาย ทั้งเรื่องการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ปัญหาเรื่องเศรษฐานะ ความยากจนและความไม่พร้อมด้วยปัจจัยต่าง ๆ ของผู้เรียน ในฐานะของคนเป็นครู ก็ยากที่จะนิ่งดูดายและเข้าไปมีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาผู้เรียนด้วยเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน “ครู” คือบุคลากรสำคัญที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการช่วยพัฒนาทรัพยากรของชาติให้เป็นคนที่มีคุณภาพได้ แต่หลายปัจจัย สถานการณ์และสภาพแวดล้อมดูจะไม่เอื้ออำนวยให้ครูในโรงเรียนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่หากยังมีข้อจำกัดเรื่องของสภาพจิตใจ สุขภาพจิตที่ดีจากภายใน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ครูคือวิชาชีพที่สังคมคาดหวังให้เป็นบุคคลสำคัญในการบ่มเพาะ ขัดเกลา สร้างสรรค์และพัฒนามนุษย์ ให้เกิดการเรียนรู้ทั้งด้านอารมณ์ สังคม และเนื้อหา วิชาการต่าง ๆ ฉะนั้น ครูที่พร้อมจะไปสู่การพัฒนามนุษย์ได้ ต้องมีความพร้อมจากภายในจิตใจของตนเองก่อนเพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้กับผู้เรียนได้